วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

พี่ครับ...สีอะไรครับ

            ผมเสียเงินค่าซื้อแผ่นเพลง MP3 ลิขสิทธิ์ น่าจะร่วม พอ ๆ กับราคาเครื่องเสียงติดรถยนต์แล้วมั้งครับ  จึงตัดสินใจจะเปลี่ยนเครื่องเสียง เนื่องจากรุ่นรถที่ขับยัง เป็นรุ่นที่ไม่มีเครื่องเล่น MP3(ไม่เอาจอ) นะครับ เพื่อตัดความรำคาญในการเปลี่ยนแผ่น (ปกติเป็นคนชอบฟังเพลง) จึงตัดสินใจลับไปยัง คลองเซินเจิ่น ..เฮ้ยคลองถมอีกครั้งเพื่อเช็คราคาก่อน  สรุปมีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท แต่ไม่รับติดตั้ง รับบัตรเครดิต  (ร้านรอบนอกคลองถมเซ็นเตอร์) ส่วนร้านรอบในรับติดตั้ง แต่ราคายี่ห้อ และหน้ากาก (ต้องเปลี่ยนเพราะไม่เคยเปลี่ยนเครื่องเสียงมาก่อน) รวมค่าติดตั้งก็ร่วม ๆ เกือบ 4 พันบาท เป็นอย่างน้อย (ไม่มีตังอะ) ที่น่าสังเกต ราคาหน้ากากรถยนต์รุ่นเดียวกัน แต่ราคาไม่เท่ากัน น่าคิดครับ
                ผมเลยลองเปรียบเทียบกับอีกตลาดหนึ่งคือ ร้านแถวตลาดพูนทรัพย์ ปทุมธานี  ร่วม 10 ร้าน สรุปมีร้านขายเครื่องเสียง 2 แบบ คือ ขายเฉพาะเครื่องเสียงติดรถยนต์ยี่ห้อเป็นที่รู้จักเช่น  JVC   Pioneer หรือ Kenwood  เป็นต้น และร้านที่ขายสินค้าโนเนม ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก และยี่ห้อรวมกัน แต่ทุกร้านจะมีลูกเล่นใกล้เคียงกันคือ ราคาเครื่องเสียงโนเนม  1,300 – 1,900 บาทเป็นเครื่องเล่น DVD  MP3 ราคาหน้ากาก 900 – 1,500 บาท รวมค่าติดตั้งต้องจ่ายเกือบ 4 พันบาทอยู่ดี อยู่ที่ว่าจะเปิดราคาสูงแล้วปิดราคาอีกชิ้นต่ำแต่...
                ครับ แต่...ผมเดินมาร้านสุดท้ายประมาณทุ่มกว่าจะปิดร้านละ  เปิดราคาเครื่อง  1,600 บาท ปิดราคาหน้ากาก  600 บาทเท่าคลองถม ราคาน่าฟังมาก ติดตั้งอีก 300 บาท รวม รวม 2,500 บาท รับบัตรเครดิตด้วย โอเคเลยครับ พอเค้าหยิบหน้ากากมา บอกต้องเพิ่มช่องกลางอีก 200 บาท โอเคครับ ยังไม่ถึง  3,000 บาท รับได้ครับ พอดูหน้ากาก อ้าวสีน้ำตาล พี่ครับรถผมสีดำครับ พี่บอกสีดำต้องเพิ่มอีก 300 เป็น 900 บาท รวม  3,000 บาท เหมือนรู้ใจว่าตั้งงบมาแค่นี้ แต่กว่าจะติดตั้งเสร็จปาเข้าไปเกือบ  2 ทุ่ม ผมเดินมาขึ้นรถ  ขณะที่พี่ ๆ ช่างออกรถกลับบ้านไปละ  แล้วตรูจาใช้เป็นปะ แต่พอเปิดไฟ START รถ

 เอ๋...

พี่คราบ..แล้วช่องที่อยู่ด้านล่างนี่สีอะไรครับ...

เดินดูคอนโด 1 ...PLUM CONDO PARK RANGSIT

         
          บังเอิญว่าเป็นคนที่เท้าอยู่ไม่ค่อยสุข...เห็นอะไรใหม่  คอนโดหรือบ้านใหม่ ๆ ชอบขับรถไปดู จริง ๆ ก่อนหน้านี้ไปดูมาแล้ว 3 ที่เพียงแต่ช่วงนั้นไม่ค่อยมีเวลเขียนเล่าครับ เห็นตำตาหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสสักที  วันนี้เพิ่งมีโอกาส ปรากฏว่า เฟสแรกติดถนนพลโยธิน ไม่เหลือครับคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2558 (หรือยังไม่เปิดขายหรือเปล่าก็ไม่รู้ครับตามกลยุทธ์ขายเฟสกลาง เฟสในก่อน) ส่วนเฟสที่ 2 ช่วงกลาง ห่างจากถนนใหญ่ ประมาณครึ่ง กม. คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2559 เป็นตึก 8 ชั้น ที่จอดรถชั้นล่างรอบตึก และตามถนนโดยรอบ  กับราคา 9 แสนกว่าๆ ชั้น 2 ครับสำหรับ 21.5 ตร.ม. พร้อมเฟอนิเจอร์ราคาพิเศษ และ 26 ตร.ม. กับราคาล้านต้น ๆ มีสระว่ายน้ำบริเวรสวนด้านใน เจ้าของเดียวกับ พฤกษา ซึ่งเขียวเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้วครับ  เอ่อ...ราคา 8 แสนกว่าที่โฆษณาตามบิลบอร์ด ต่าง ๆ นะครับ ไม่มีแล้ว อย่างที่กะไว้เด่ะ ซึ่งก็ไม่ต่างจากคอนโดเจ้าอื่นครับ ว่าราคาที่โฆษณาตอนแรก มักจะหมดแล้ว..หรือมันไม่เคยมี รบกวนผู้รู้ช่วยแชร์ที่ครับ

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สะท้อนมุมคิด...ผีซ่า...กับ Prince of Galapagos (2) แค่เปิดใจ

                  อีกตอนหนึ่งของผีซ่ากับฮานาดะ ที่เรียกน้ำของผู้อ่านได้อย่างถึงก้นบึ้งของความรู้สึกของคนที่สูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับมา ตอนที่  7 บ้านทานตะวัน  เมื่อเจ้าหนูทานตะวัน ลูกชายคนเดียวจมน้ำตาย ทิ้งไว้แค่สวนทานตะวันที่เจ้าหนูหว่านไว้จนเติบใหญ่และแม่ทีมีชีวิตอยู่ก็เหมือนไร้ชีวิต เพราะจิตใจได้ตายไปพร้อมกับเจ้าหนูแล้ว โดยที่ไม่เคยพูดกับใครอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น เสมือนกับไม่มีอะไรผ่านเข้าไปในจิตใจได้อีกเลย ทุกวันแม่จะคอยมารดน้ำสวนทานตะวันเพื่อให้มันมีชีวิต อย่างไร้ชีวิต

               อารมณ์ ดำดิ่ง ดังกล่าวทำให้ผมนึกถึง หนังเรื่องโปรดเรื่องหนึ่งคือ What Dreams May Come ที่นำแสดงโดย โรบิน วิลเลียมส์ (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว)  ออกฉายในปี ค.ศ. 1998 และได้รับรางวัลออสการ์ สาขาเทคนิคพิเศษด้านภาพ และเข้าชิงในสาขาการออกแบบศิลป์ ประจำปี 1999 ดัดแปลงจากนวนิยายขายดีของ ริชาร์ด แมทีสัน  ของผู้กำกับ Vincent Ward กล่าวถึง แม่ผู้สูญเสียลูกทั้ง 2 พร้อมสามี จนฆ่าตัวตาย และดำดิ่งอยู่ในนรกแห่งใจที่ตัวเองสร้างขึ้น จนแทบไม่มีใครเข้าถึง หรือสัมผัสสิ่งใด ๆ ได้อีกจน...


คงไม่ต่างกันครับหากเราต้องสูญเสียขนาดนั้น…สะท้อนมุมคิด  หากเพียงแต่เปิดใจสักนิด ปล่อยให้แสงแห่งความอบอุ่น หรือแค่แสงสะท้อนเข้าสู่จิตใจเพียงชั่วหายใจ ไม่ว่าเราผิดหวังหรือสูญเสียจากเรื่องใด ๆ เพียงแค่เรามองเห็นสิ่งรอบตัว ฉุดตัวเองขึ้นจากการดำดิ่ง แล้วชีวิตจะดำเนินไปต่อของมันเอง ...แค่เปิดใจ

ลาก่อน...คลองถม


               ผมเริ่มรู้จักคลองถม ตั้งแต่ตอนเรียน ป. ตรี ในสมัยที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ใหม่ ๆ พร้อม ๆ กับคำว่า “ตาดีได้ ตาร้ายเสีย” ผมชอบมาเดินทุกคืนวันเสาร์ เช้าวันอาทิตย์ เพราะมีตลาดกลางคืน แทบจะทุกเสาร์ สมัยก่อนร้านส่วนมากจะแบกะดิน มีเสน่ห์อย่างประหลาด ส่วนมากจะเดินสัมผัสบรรยากาศมากกว่า เพราะตาร้ายตลอด(ฮา) แม้กระทั่งตอนเรียนจบแล้วยังเคยเอาของมาวางขายในซอกมืด ๆ ซอยข้าง 7-11 ที่มีร้านหนังสือครองซอยนั้นอยู่ เพราะได้เรียนรู้ชีวิตอีกหลายมุม จากหลายชีวิตแวดล้อม  เริ่มแรกก็มากัน 2-3 คน หลัง ๆ เริ่มสนุก  มากันร่วม 10  ปัจจุบันความเปลี่ยนแปลงเยอะมาก จากของแบกะดินเริ่มมีแผงค้ามาครอง เชื้อคลองถมเริ่มขยายวงกว้าง  7 – 11 มีไม่ต่ำกว่า 4 สาขาในย่านเดียว และ KFC ก็มา ช่วงหลังมาเดินเสียเงินค่าจอดรถมากกว่า เงินซื้อของ
                ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2558 เซินเจิ้น ส่งกองกำลังมายึดตึกโดยรอบไว้หมดแล้ว และเต็มไปด้วย Case มือถือ... Case มือถือ และ Case มือถือ รวมทั้งอุปกรณ์เกี่ยวกับมือถือ มือถือ และ  Power Bankแม้แต่ร้านหนังสือในซอยข้าง ๆ 7-11 ยังจัดสรรพื้นที่ฝั่งนึงเพื่อขยาย Line Products เป็น ...คำที่ขีดเส้นใต้ พอดีได้คุยกับพี่ที่ขายของริมทางเดิน ที่หน้าตาเสมือนเพิ่งลงเครื่องมาจาก เซินเจิ้น ที่นั่งขาย Power Bank อยู่ พี่เขาบอกว่า “รับประกัน 1 อาทิตย์ แต่ต้องรีบนำของมาเปลี่ยนนะเพราะเค้าจะปิดคลองถมละ” การรับรู้ของเราคือ เค้าต้องปิดตั้งแต่สิ้นปี 57ตามข่าว พี่เขาบอกว่าผู้ดูแลผ่อนผันให้ถึงสิ้นเดือนแห่งความรักเท่านั้น (โดยนโยบายขอคืนพื้นที่คือ งดคลองถมตอนกลางคืนวันเสาร์ ห้ามมิให้ผู้ค้าหาบเร่ตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าอย่างเด็ดขาดตลอดทั้งวัน และส่วนที่เป็นร้านค้าในตึกแถวอาคารพาณิชย์จะต้องไม่มีการต่อเติมร้านค้าล้ำเข้ามาในบริเวณทางเท้าอย่างเด็ดขาด )
                เราก็จัดไปครับ แต่ซิ้อ Power Bank ร้านอื่นนะ ดังที่เห็นในรูปภาพด้านบนอะครับ “ ตายสนิทครับ...ลาก่อนคลองถม”  ยังไม่เข็ดครับวันหลังจะไปเดินคลองเซินเจิ้นแทน

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สะท้อนมุมคิด...ผีซ่า...กับ Prince of Galapagos (1)


               รู้สึกไหมว่าเวลาอ่านการ์ตูนกับดูการ์ตูน  ความรู้สึกมันต่างกันมาก  ส่วนตัวผมเองรู้สึกว่าการอ่านการ์ตูนดี ๆ สักเรื่อง ทุกช่องของภาพ ทุกอณูของอารมณ์ความรู้สึก ที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมา มันแผ่ซ่านสัมผัสของทุกอณูที่สัมผัสเข้าทุกอณูรูขุมขน ดุจดังสายลมสัมผัสผิวกาย ให้ร้อน หรือเย็น แม้กระทั่งเหน็บหนาวเข้าขั้วสุดหัวใจ หนึ่งในหนังสือการ์ตูนที่ผมว่านั้นคือ  ผีซ่ากับฮานาดะ ของ ISHIKI  MAKOTO ลิขสิทธิ์ถูกต้องในประเทศไทยโดย  VIBUKIJ COMIC (1993) 22 ปีมาแล้วครับ แต่ทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาอ่าน “หัวเราะร่า น้ำตาหลั่ง แทบทุกครั้งที่หยิบขึ้นมา” เรื่องของเจ้าเด็กซ่า วัย 9 ขวบ อิจิโระ ฮานาดะ ก่อวีรกรรมปั่นฟิกเกีย(ของยายข้างบ้าน)เสยกระบะ เข้าโรงพยาบาล เย็บ  9 เข็ม วันเดียวออก ส่วนคนขับกระบะแทบสำลักพัก 6 เดือน เด็กซ่าบ้าพลังที่ได้อำนาจพิเศษที่เจ้าตัวไม่เคยอยากได้เลย ดุจเจน ญาณทิพย์หลังเฉียดตาย (ขอบอกไม่เคยกลัวอะไรในจักรวาล ยกเว้น...ผี กับเข็มฉีดยา) เด็กแสบซีม่าผสมดีดีที ที่เดินไปทางไหนแม้แต่หญ้ายังไม่ขึ้น ต้องเข้าไปพัวพันอย่างไม่เต็มใจดุจ ริวจิตสัมผัสในการช่วยวิญญาณไปสู่สุคติ
และตอนแรก ที่หยิบขึ้นมาเล่าไม่เอากับ  เพื่อสะกิดมุมคิด คือเรื่องของ ผีคุณหนูยูกิ  ตอนที่ 2-3 วัย 17 ปี ที่อยู่ในโรงพยาบาลมาแทบทั้งชีวิต กับความรักชั่วข้ามวัน กับอาโอตะ เซจิ ช่างก่อสร้างกระจอกๆ ที่เธอได้ร้องขอให้ เซจิ ช่วยพาเธอหนีจากโรงพยาบาล เที่ยวซึ่งวันแรกที่เธอได้ออกจากโรงพยาบาล และเป็นวันสุดท้ายในชีวิตเธอ และจากไปด้วยรอยยิ้ม
ยูกิ“ ตอนเพิ่งเกิดหมอบอกว่าจะอยู่ได้ไม่ถึง 10 ขวบ”
เซจิ “งั้นก็กำไรเพียบเลยนะสิ ก็อยู่เกินมาตั้ง 7 ปีแล้ว”
สะท้อนมุมคิด เพราะหลายคนมองแต่มุมที่แย่ๆ ของตัวเองเลยทำให้รู้สึกห่อเหี่ยว แค่ปรับมุมคิดชีวิตก็จะดีขึ้นแม้ในวันที่แย่ ๆ  

ขอบคุณบี ผู้แปล และ VIBUKIJ COMIC

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

โซเชียลมีเดีย…สังคมลวง

       เคยเป็นไหมครับ ที่เมื่อเราเลิกงานแล้วคุยกับใครสักคน ผ่าน Line แล้วเขายังไม่ตอบกลับ แต่พอเริ่มขับรถไปไหนสักแห่งข้อความเริ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์นานาประเภททั้งคนอะไรเป็นแฟนหมี หรืออะไรก็ว่ากันไป ส่งมาเริ่มถี่ขึ้น แล้วถ้ายิ่งเราไม่ตอบข้อความ ก็ เริ่มจี้เข้ามาถี่ขึ้น ..ถี่ขึ้น เร่งเร้าทำให้เราประสาทเสียระหว่างขับรถในขณะที่เรายังไม่สามารถพิมพ์ตอบโต้ได้ พอถึงที่หมายเมื่อเรา เพียงแค่เปิดอ่าน ยังไม่ ทันจะพิมพ์อะไรเลย จะมีข้อความจากอีกฝั่งพิมพ์ต่อว่า "ทำไรอยู่ทำไมตอบ" พร้อมทั้ง @#$%^&*+...รับไม่ทัน
      Social หมายถึงสังคม,  Media หมายถึง สื่อ = การติดต่อ (กริยา) หรือ ช่องทางในการติดต่อ (channel of communication) คือสิ่งที่เราสร้างขึ้นเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ นั้นเอง เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามที่เราสามารถสร้างขึ้น หรือมนุษย์สามารถสร้างขึ้น หรือสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวพันกับมนุษย์(ที่เกิดมาใช้กรรม) ย่อมมีทุกสี ดำจัด ขาวจัด หรือเทาๆ หรือกระทั่ง 7 สี 7 แสง ก็ตามแต่ เคยคิดหรือไม่ว่าสีเหล่านั้นเป็นสีจริง ๆ ของผู้สร้าง หรือแค่เขาตั้งใจสร้างเพื่อวัตถุประสงค์หรือเจตนาใด ๆ  เช่น เดียวกับเหตุการณ์ข้างต้น ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่า คนที่ส่งข้อความมาหาเราแล้วจริง ๆ รู้สึกอย่างไร ต้องการอะไร หรือเขาเป็นคนส่งข้อความเองจริง ๆ ถ้าเราเพียงแต่รู้สึก หรือไหวตาม เราอาจจะกำลังตกเป็นเหยื่อ ของสารที่ส่งมาผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย...ก็เป็นได้ (เราสัมผัสได้)
    การที่มีสติ เพื่อยับยั้งอารมณ์ความคิดเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในขณะที่โซเชียลมีเดีย และ Network กำลังครองโลก เพราะจากกระแสธารของผู้คนที่หลากหลาย ย่อมมีทั้งสีจริงและสีปลอม (สอดคล้องกับงานวิจัยของ POG จริง ๆ 555) เราจะเล่นโซเชียลมีเดีย หรือถูกโซเชียลมีเดียเล่น คุณ...เลือกได้ 
    เพราะอย่างไรอีกฝั่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมทำอะไรอยู่ ขับรถจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้  แต่ถ้าไม่รับโทรศัพท์ สงสัยจะหูยานแน่นอนครับ...โทรศัพท์มาแล้วขออนุญาตผู้อ่านไปรับก่อนนะครับ ไม่อยากหูยาน